ลาบราดอไรต์ Labradorite หินแห่งดวงตาที่สาม
Labradorite เป็นหินที่มีชื่อที่เรียกตามสถานที่มีการค้นพบในครั้งแรก นั้นคือบนเกาะพอลใกล้กับ Nain, Labrador, Canada มันถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1770 โดยนักเผยแผ่ศาสนาคริสต์นามว่า “Moravian” ซึ่งกำลังนำศาสนาไปเผยแผ่ให้กับผู้คนในแถบนั้น ส่วนในฟากโลกตะวันออกนั้นชาวจีนจะเรียก Labradorite ว่า “โอปอลจิ๊กเฉี่ย” เนื่องจากมีสีเหลือบแวววาวภายในคล้ายกับโอปอล แต่ตัวหินนั้นมีสีที่อึมครึมออกโทนสีดำคล้ำ
ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับ Labradorite
ชาว Inuit หรือ Innu (เป็นชาวพื้นเมืองที่อยู่ในแถบอาร์กติกเซอร์เคิล ซึ่งอยู่ในเขตรัฐอลาสกา แคนาดาทางเหนือ และกรีนแลนด์ หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า “ชาวเอสกิโม Eskimo” นั่นเองค่ะ) โดยเชื่อกันว่าหิน Labradorite นั้นกำเนิดมาจากไฟที่ขั้วโลก แล้วถูกแช่แข็งและตกลงไปฝังอยู่ใต้พื้นดิน
ตามตำนานยังพบว่าพบว่านักรบชาวเอสกิโม Eskimo มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ Labradorite เป็นอย่างมาก นอกจากจะเชื่อว่า Labradorite นั้นจะสร้างไฟขั้วโลกแล้ว สีเหลือบที่เราเห็นในหิน Labradorite นี้คือรังสีที่ถูกคุมขังอยู่ในหิน โดยพวกเขาเชื่อรังสีนั้นคือจิตวิญญาณของบรรพบุรุษของพวกเขาสิงสถิตอยู่ภายใน
อีกทั้งพวกเขายังใช้มันเป็นสมุนไพรในการรักษาอีกด้วยค่ะ โดยชาวเอสกิโม Eskimo จะนำ Labradorite มาบดเป็นผงแล้วนำมาชงกับน้ำก่อนที่จะดื่มมัน เพื่อต่อสู้กับอาการความเจ็บปวดที่ต่าง ๆ ตามร่างกายค่ะ
ในทางธรณิวิทยา
ในทางธรณิวิทยานั้นระบุว่า หินลาบราดอไรต์ Labradorite เป็นประเภทหนึ่งของหิน แพลจิโอเคลส เฟลด์สปาร์ (Plagioclase Feldspar)
มีความแข็ง (Hardness) = 6-6.5โมฮส์ (Mohs)
ส่วนประกอบทางเคมี (Chemical Formula) = Ca,Na)(Al,Si)4O8,
ดัชนีหักเหของแสง (Refractive Index) = 1.52-1.54
ความถ่วงจำเพาะ (Specific gravity) = 2.55-2.76
ลาบราดอไรต์ Labradorite เป็นหินที่มีสีเทาอึมครึม หรือ ดำเข้มทั้งก้อน และมีประกายสีต่าง ๆ สะท้อน ออกมาเป็นสีรุ้ง มีทั้งสีม่วง สีฟ้า สีเขียว เป็นประกายสวยงาม อาจเห็นมีสีแดงบ้างในบางก้อนแต่ก็พบได้น้อยมาก หรือบางครั้งก็สะท้อนสีหลากหลายออกมาพร้อม ๆ กันเลยทีเดียวค่ะ ด้วยคุณลักษณะที่โดดเด่น และมีเสน่ห์แบบนี้ จึงเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมในหมู่ผู้นิยมอัญมณี และแร่พลอยต่าง ๆ ทั่วโลก
Labradorite เป็นอัญมณีประจำราศีตุลย์
แหล่งที่พบ
แหล่งที่พบที่สำคัญ ๆ ในโลก ได้แก่ แคนาดา ยูเครน ออสเตรเลีย เม็กซิโก นอร์เวย์ สหรัฐอเมริกา มาดากัสการ์ นิวฟาวน์แลนด์ และ รัสเซีย ค่ะ
แหล่งอื่นที่ถูกค้นพบคือในประเทศฟินแลนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1940 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 หิน labradorite นี้ก็ถูกขุดพบแล้วนำออกสู่ตลาดภายใต้ชื่อของ “Spectrolite” ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหินเกรดชั้นสูงมากของ Labradorite ที่มีสีเข้ม ซึ่งพบได้เฉพาะในประเทศฟินแลนด์เท่านั้น ถ้าเป็นหิน Labradorite ที่มาจากมาดากัสการ์ หรือ ลาบราดอร์ นั้นจะไม่ได้ถูกจัดว่าเป็น Spectrolite ซึ่งชื่อ “Spectrolite” เป็นชื่อทางการค้าของ Finns เท่านั้นนะคะ
อ่านมาถึงตรงนี้เราก็จะพบว่าหินลาบราดอไรต์เองนั้นก็มีหลายชื่อเรียกมาก ๆ ค่ะอาจารย์อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน เช่น ” Rainbow Moonstone “, Carnatite , Hafnefjordite , Mauilite , Radauite , Silicite หรือ Spectrolite เป็นต้น
คุณสมบัติและสรรพคุณ
Labradorite เป็นหินมหัศจรรย์ที่มีพลังที่ให้คุณสมบัติการปกป้องจากพลังงานด้านลบ เป็นหินที่ถือว่าเป็นหินแห่งศาสตร์การเปลี่ยนแปลงและพลังเวทมนตร์ มีความสมดุลและมีออร่าแห่งการปกป้อง ซึ่งเป็นหินที่ดีมากและเหมาะสำหรับการป้องกันสิ่งชั่วร้ายแบบทั่ว ๆ ไปได้ค่ะ
และ Labradorite นอกจากจะเป็นหินที่ช่วยป้องกันแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างพลังงานที่ดีให้แก่ผู้ครอบครองหินชนิดนี้ สามารถทำให้เจ้าของสื่อสารกับจิตใต้สำนึกได้ดี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนั่งสมาธิ ฝึกให้เกิดการสร้างพลังจิตที่เข้มแข็ง สร้างความสมดุลย์ในทุก ๆ ด้าน และยังช่วยบำบัดสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ หินลาบราโดไรต์ เป็นหินที่มีประสิทธิภาพที่ช่วยในรำลึกถึงสิ่งลี้ลับๆได้ดีอีกด้วยค่ะ
หิน Labradorite มีพลังงานการสั่นสะเทือนในตัวสูงมาก (ขึ้นอยู่กับหินแต่ละก้อน) มีพลังลึกลับ หินชนิดนี้ช่วยสร้างจิตสำนึกและช่วยในการเชื่อมต่อกับพลังงานสากล โดยการหักล้างพลังงานที่ไม่พึงประสงค์ออกจากรัศมีออร่าของคุณ อีกทั้ง Labradorite เป็นตัวป้องกันมิให้มีการรั่วไหลของพลังงานของคุณ
Labradorite เป็นหินแห่งดวงตาที่สาม ช่วยให้คุณเข้าถึงอาณาจักรแห่งความรู้ภายในรวมถึงภูมิปัญญาที่เหนือขึ้นไปได้ อีกทั้งยังปลดปล่อยพลังงานและความไม่มั่นคงที่เป็นลบออกไป เพื่อให้สามารถถ่ายโอนความรู้ทางจิตวิญญาณได้อย่างถูกต้อง Labradorite ยังเป็นหินแห่งการริเริ่มและการยอมรับ และช่วยในการเสริมสร้างความสร้างสรรค์ได้ดีอีกด้วยค่ะ
หลังจากที่อาจารย์คลุกคลีกับหิน Labradorite เป็นเวลาหลายปี เห็นได้ชัดว่าหินชนิดนี้เป็นตัวอย่างของความเป็น “หยินและหยาง” ในตัวเอง มีความเหลือบของสีที่น่าทึ่งและความมืดในตัวเอง ซึ่งเป็นความหมายที่แท้จริงของความเป็น หยินและหยาง
การดูแลรักษาและเพิ่มพลัง
คุณสามารถเพิ่มพลังให้กับ Labradorite ด้วยการอาบแสงจันทร์ในคืนที่มีพระจันทร์เต็มดวง และสามารถทำความสะอาดเพื่อชำระล้างสิ่งชั่วร้ายที่ติดมากับหินให้หมดไป โดยการนำหินมาวนผ่านควันธูปหรือกำยานเหมือนกับการล้าง Selenite Citrine หรือ Quartz ต่าง ๆ ค่ะ
มาถึงตรงนี้ทุกคนคงได้รู้จักกับหินแห่งพระเวทย์ ที่มีมนตรา ที่มีเสน่ห์ลึกลับและน่าหลงใหลกันมากขึ้นแล้วนะคะ สำหรับตัวอาจารย์เองก็มีความชื่นชอบหินชนิดนี้ทั้งทางด้านคุณสมบัติด้านพลังงานที่ดีในการปกป้อง และความสวยงามของเค้า
ดังนั้นถ้าใครไม่รู้จะหาหินอะไรมาช่วยเสริมชะตา และเป็นตัวช่วยในการสร้างเสริมพลังงานที่ดีอาจารย์ขอแนะนำ Labradorite เลยค่ะ โดยเฉพาะนักพยากรณ์ หมอดู ทั้งหลาย ยิ่งถ้าเป็นลูกศิษย์ “วิชาหินเดินดาว” ต้องหามาครอบครองให้จงได้ค่ะ
สนใจหินมงคลสำหรับเสริมดวงชะตา คลิกได้ ⇒ ที่นี่
ผู้คิดค้น วิชาหินเดินดาว ศาสตร์พยากรณ์ 12 พลังหิน
Facebook: หินเดินดาว, ณิชารัศมิ์โหราศาสตร์